ความแข็งของลูกธนู เทียบกับ น้ำหนักลูกธนู

เลือกลูกธนูที่มีความแข็งที่ถูกต้องเหมาะสม การเซ็ทอัพคันธนูของคุณจะขึ้นอยู่กับระยะน้าวสายและน้ำหนักน้าวสาย ระยะน้าวสายเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะจะเป็นตัวกำหนดความยาวของลูกธนูที่คุณใช้ ยิง ถ้าลูกธนูยิ่งยาวก็จะยิ่งงอตัวมากขึ้นในขณะยิง ส่วนน้ำหนักน้าวสายเป็นปัจจัยในการกำหนดแรงที่จะผลักดันลูกธนูให้พุ่งออกไป

บริษัทผู้ผลิตลูกธนูทุกยี่ห้อจะมีตารางความแข็งอ่อนของลูกธนูมาให้เลือก เพื่อให้คุณพิจารณาเปรียบเทียบที่จะเลือกใช้ให้เหมาะสำหรับน้ำหนักและระยะ น้าวของผู้ยิง (ตัวแปรปัจจัยอื่นที่อาจจะมีกำหนด เช่น อัตราความเร็วลูก ด้วยธนูที่ให้ความเร็วสูงมากๆ จะมีแรงกระทำกับลูกธนูมากขึ้นด้วย) และก้านลูกธนูทุกก้านต้องยึดตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด

แต่น่าเสียดายที่ตารางเทียบความแข็งอ่อนของลูกธนูของผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อ ไม่ได้กำหนดเป็นค่าแบบเดียวกัน ดังนั้นอย่าคิดหรือคาดเอาเองว่าตัวเลขค่าของลูกธนูยี่ห้อนี้จะเหมือนหรือใช้ แทนได้กับอีกลูกธนอีกยี่ห้อนึง

นอกเหนือจากค่าต่างๆ ที่กำหนดไว้บริเวณด้านข้างก้านลูกธนูแล้ว ผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะยังมีการแจ้งน้ำหนักลูก
เป็นหน่วย : เกรน / นิ้ว
และนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้หลายท่านสับสน

วิธีที่ถูก

ถ้าคุณต้องการได้ลูกธนูที่เบาลง ต้องยึดค่าความแข็งเป็นสำคัญก่อน แล้วไปเลือกลูกที่มีน้ำหนักเบาลง
ยกตัวอย่างเช่น :-
Easton Bowfire เบอร์ 330 ก้านน้ำหนัก 9.6 เกรน / นิ้ว
Easton Hexx เบอร์ 330 แต่น้ำหนักก้าน 7.9 เกรน / นิ้ว
ความแข็งของก้านเท่ากัน – แต่น้ำหนักลูกเบากว่า

เพียงแค่เปรียบเทียบให้ดู ลูกธนูข้างล่างนี้ มีตัวชี้วัดทั้งหมดเทียบจากระยะน้าว 29” วัดจากปลายก้านไปสุดด้านล่างของร่อง Nock ทั้งหมดใช้หัวลูกหนัก 100 เกรนและหางลูก 3 หาง, ความยาวหางขนาด 2″ และทั้งหมดก็มีความแข็งที่ถูกต้องสำหรับยิงธนูน้ำหนักน้าวสาย 70# ตามตารางของ Easton ผู้ผลิต

Easton Full Metal Jacket 340 – น้ำหนักลูก 482.2 เกรน
Eastone Bowfire 330 – น้ำหนักลูก 433.6 เกรน
Easton Hexx 330 – น้ำหนักลูก 382.1 เกรน

คุณสามารถที่จะเลือกน้ำหนักของลูกธนูที่เบาลงได้ โดยค่าความแข็งของลูกยังเหมาะสมคงเดิม